‘ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต’ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ 2558

Print Friendly

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่คนไทยเกิดความแตกแยกทางความคิดกันหนักในช่วงที่ผ่านมา เป็นเหมือนกระจกเงาที่ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมหรือความถดถอยทางด้านคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคมไทยเป็นอย่างมาก การพัฒนาคนให้มีความรู้คู่คุณธรรมจึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงและถกคิดร่วมกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

เริ่มต้นจากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำหนด ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ คือ 1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน 3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม 5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย 6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ 7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย 8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ 10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ 12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

มาถึงคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2558 ซึ่งชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันท่านชูประเด็นและให้ความสำคัญกับเรื่องของ “ความรู้” และ “คุณธรรม” เป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดคำขวัญวันเด็กในปีนี้และเขียนด้วยลายมือท่านเองว่า “ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต”

ครั้งแรกที่ได้เห็นคำขวัญวันเด็กในปีนี้ ก็รู้สึกดีใจที่รัฐบาลในยุคนี้สมัยนี้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนให้เป็น “คนเก่ง” ควบคู่กับการเป็น “คนดี” ทำให้คิดถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ทรงย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการศึกษาจำเป็นต้องพัฒนาคนให้เป็น “คนเก่ง” และ “คนดี”ควบคู่กัน นั่นก็คือต้องมี “ความรู้คู่คุณธรรม” เพื่อจะได้เป็นพลังสำคัญในการผลักดันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวไปในทิศทางที่ต้องการ ดังพระบรมราโชวาทความว่า…

“การศึกษาจะสอนให้คนเก่งแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพ คือ ทั้งเก่ง ทั้งดี มาเป็นกำลังของบ้านเมือง ให้ความเก่งเป็นปัจจัยและพลังสำหรับการสร้างสรรค์และให้ความดีเป็นปัจจัยเพื่อประคับประคองหนุนนำความเก่งให้เป็นไปในทางที่ถูกที่อำนวยผลเป็นประโยชน์อันพึงประสงค์”

หลายต่อหลายคนมักฝากความหวังไว้ที่สถาบันการศึกษาในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับเด็ก เยาวชนและคนไทย แต่ในความเป็นจริงนั้นทุกภาคส่วนในสังคมไม่ว่าจะเป็นสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันการเมือง สถาบันศาสนา สถาบันสื่อมวลชน รวมทั้งสถาบันวิชาชีพต่าง ๆ ล้วนต้องร่วมกันทำหน้าที่ของตนเองในการสรรค์สร้างคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงามให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติในอนาคตต่อไป

เมื่อถึงวันเด็กแห่งชาติของทุก ๆ ปี เรามักจะเห็นภาพหน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมแรงร่วมใจให้การสนับสนุนและร่วมกันจัดงานเพื่อส่งมอบความสุขให้กับเด็ก ๆ กันอย่างถ้วนหน้า ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นภาพเช่นนี้จนคุ้นชินเพียงเฉพาะในวันเด็กแห่งชาติเท่านั้นเอง จนหลายครั้งได้แอบหวังว่าถ้าหากทุกภาคส่วนในสังคมที่มีความพร้อมช่วยเหลือสังคมได้ร่วมแรงผสานใจหยิบยื่นแบ่งปันรินน้ำใจไมตรีส่งผ่านไปยังกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคมได้มีพลังความพร้อมที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น อย่างน้อยก็จะช่วยขจัดความแตกต่างลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมลงได้บ้าง

ในปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ สนามเสือป่า สำนักพระราชวัง ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. โดยมีส่วนราชการ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนและร่วมออกบูธอย่างเช่นทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเด็กและเยาวชนให้มีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ตระหนักถึงความสำคัญของตนเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัยต่อตนเองและสังคม ตลอดจนถึงยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

กิจกรรมงานวันเด็กที่สนามเสือป่าจะแบ่งออกเป็น 3 ดินแดน คือ ดินแดนที่ 1 เป็นดินแดนอนาคต แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซนความเป็นไทย สืบสานวัฒนธรรมไทย โซนความเป็นอาเซียน และโซนเวิร์กช็อป ให้เด็กประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ ดินแดนที่ 2 เป็นดินแดนเด็กไทยคิดดี ทำดี ในดินแดนนี้จะมีการนำเสนอค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ มีการถามตอบชิงรางวัลเกี่ยวกับค่านิยมหลัก 12 ประการ รวมถึงมีมุมหมากรุกไทยให้เด็ก ๆ ได้ทดลองเล่นด้วย ส่วนดินแดนที่ 3 เป็นดินแดนผจญภัยวัยเรียนรู้ จะมีเครื่องเล่นต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ มาเพลิดเพลิน ซึ่งในปีนี้จะมีเครื่องเล่นเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดพิมพ์หนังสือวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2558 ภายใต้ชื่อ “เมล็ดพันธุ์ของชาติ” จัดพิมพ์จำนวน 350,000 เล่ม จำหน่ายในราคาเล่มละ 15 บาท ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความสามัคคี ความกตัญญู วัฒนธรรมความเป็นไทย หน้าที่ของเด็ก อาเซียน เป็นต้น

คุณธรรมเป็นสิ่งที่แทรกอยู่ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต การพัฒนาคนในชาติให้เป็นคนเก่ง คนดี มีคุณธรรมจึงต้องเริ่มกันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าหากทุกคนมี “ความรู้คู่คุณธรรม” ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยในการกำหนดพฤติกรรมให้คนในสังคมไทยเกิดสำนึกในความเป็นไทย สำนึกต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่และทุกคนมีความสันติสุขอย่างแท้จริง.

โดย : ฟาฏินา วงศ์เลขา
ที่มา : เดลินิวส์

krurayong

ผู้เขียน: krurayong

สุธาราทิพย์ แสงสุวรรณ เป็นที่ปรึกษาและติดยาเสพติดอายุ 31 ปีที่โรงพยาบาลศรีวิชัย เธอสำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2553 เธอทำงานกับทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เพื่อจัดการกับปัญหาการเสพติดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ในเวลาว่างของเธอเธอมีส่วนร่วมในชมรมละครของชุมชนท้องถิ่น